ประวัติ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กองหลังผู้ไม่ยอมแพ้ ผู้นำแนวรับแห่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ทำความรู้จักประวัติของ เจค็อบ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (Jacob Harry Maguire) กองหลังชาวอังกฤษผู้มีความแข็งแกร่งทางร่างกายและความโดดเด่นในการเล่นลูกกลางอากาศ เขาคือผู้เล่นที่สั่งสมประสบการณ์มาตั้งแต่ลีกระดับล่างของอังกฤษ จนก้าวขึ้นมาเป็นกองหลังที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลกในเวลานั้นเมื่อย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2019 แม้จะเผชิญกับความท้าทายและการวิพากษ์วิจารณ์มากมายตลอดเส้นทางค้าแข้งที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความเป็นมืออาชีพที่สูงอย่างสม่ำเสมอ เรื่องราวของเขาคือตัวอย่างของนักเตะที่ใช้ความมุ่งมั่นและความสามารถในการพิสูจน์ตัวเอง แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้ แม็กไกวร์ ยังคงเป็นแกนหลักที่สำคัญในแนวรับของทีมปีศาจแดง?

แฮร์รี่ แม็กไกวร์

แฮร์รี่ แม็กไกวร์

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม: เจค็อบ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (Jacob Harry Maguire)

วันเกิด: 5 มีนาคม 1993

สถานที่เกิด: เชฟฟีลด์, เซาท์ ยอร์คเชียร์, ประเทศอังกฤษ

อายุ: 32 ปี (ณ เดือนตุลาคม 2025)

ส่วนสูง: 194 เซนติเมตร

ตำแหน่ง: เซ็นเตอร์แบ็ก (Centre-back)

สโมสรปัจจุบัน: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

หมายเลขเสื้อ: 5

ชีวิตในวัยเด็กและครอบครัว รากฐานสู่ความสำเร็จของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เกิดในเมืองเชฟฟีลด์ ประเทศอังกฤษ และเติบโตในหมู่บ้านมอสโบโรห์ที่อยู่ใกล้เคียง เขาเข้าร่วมศูนย์ฝึกเยาวชนของสโมสรเชฟฟีลด์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุยังน้อย และเคยเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวกลาง ก่อนจะถูกปรับมาเล่นในตำแหน่งกองหลัง การสนับสนุนจากครอบครัว มีส่วนสำคัญในการผลักดันอาชีพของเขา โดยมีน้องชายสองคนคือ โจ แม็กไกวร์ และ ลอว์เรนซ์ แม็กไกวร์ ซึ่งเป็นนักฟุตบอลอาชีพเช่นกัน ชีวิตในวัยเรียนและการฝึกซ้อม แม็กไกวร์เคยถูกระบุว่าเป็นเด็กที่มีผลการเรียนดีและเคยมีความคิดที่จะเป็นนักบัญชี ก่อนจะเลือกเดินในเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัว

แฮร์รี่ แม็กไกวร์

ชีวิตในวัยเด็กและครอบครัว รากฐานสู่ความสำเร็จของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์

เส้นทางอาชีพ จากลีกวันสู่กองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลก

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เริ่มต้นเส้นทางอาชีพกับสโมสรในบ้านเกิด เชฟฟีลด์ ยูไนเต็ด โดยลงประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่ในปี 2011 และก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรถึงสามฤดูกาลติดต่อกัน ต่อมาเขาย้ายไปอยู่กับ ฮัลล์ ซิตี้ ในปี 2014 และเคยถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นให้กับ วีแกน แอธเลติก ในปี 2015 ช่วงเวลาสำคัญ ที่ทำให้เขาเป็นที่จับตามองคือช่วงที่ย้ายไปร่วมทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2017 ซึ่งฟอร์มที่โดดเด่นทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลของสโมสร และมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ไปเล่นฟุตบอลโลก 2018

จุดสูงสุดในอาชีพ คือการย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดือนสิงหาคม 2019 ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกในเวลานั้น เขาได้รับบทบาทเป็นกัปตันทีมคนสำคัญของทีมปีศาจแดงในเวลาต่อมา

แฮร์รี่ แม็กไกวร์

เส้นทางอาชีพ จากลีกวันสู่กองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลก

สไตล์การเล่น เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ มีสไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในฐานะเซ็นเตอร์แบ็กที่มีความแข็งแกร่ง จุดแข็งที่โดดเด่นที่สุดของเขาคือ การเล่นลูกกลางอากาศ ด้วยส่วนสูง 194 เซนติเมตร และความสามารถในการโหม่งที่ยอดเยี่ยม ทำให้เขาได้เปรียบอย่างมากทั้งในการป้องกันและทำประตูจากลูกตั้งเตะ นอกจากนี้ เขายังมีทักษะ การครองบอลและจ่ายบอล ที่ดี สามารถจ่ายบอลขึ้นหน้าเพื่อเริ่มเกมรุกได้อย่างแม่นยำ

บทบาทในทีม ของแม็กไกวร์คือการเป็นปราการหลังตัวกลางที่เน้นการใช้รูปร่างและความแข็งแกร่งในการเข้าปะทะ และการใช้การอ่านเกมและตำแหน่งที่ถูกต้องในการป้องกัน แม้ว่าเขาจะเคยต้องเผชิญกับความกดดันอย่างหนักจากบทบาทกัปตันทีมและค่าตัวที่สูง แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาฟอร์มการเล่นของตนเองอยู่เสมอ และเป็นกำลังสำคัญในแนวรับของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ

แฮร์รี่ แม็กไกวร์

สไตล์การเล่น เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์

ผลงานทีมชาติ เกียรติยศและความท้าทายในนามทีมชาติอังกฤษของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ถือเป็นผู้เล่นคนสำคัญในทีมชาติอังกฤษ เส้นทางของเขากับทีมชาติเริ่มต้นจากการเล่นให้กับทีมชาติชุด U21 ก่อนจะลงประเดิมสนามให้ทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2017

ผลงานทีมชาติ ของเขาเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ เขาได้เป็นตัวแทนของอังกฤษในทัวร์นาเมนต์สำคัญหลายรายการ ได้แก่ ฟุตบอลโลก (2018 และ 2022) และ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2020) โดยมีส่วนสำคัญในการพาทีมชาติอังกฤษเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูโร 2020 ซึ่งทำให้เขามีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ (Team of the Tournament) ในยูโร 2020 ด้วย

แฮร์รี่ แม็กไกวร์

ผลงานทีมชาติ เกียรติยศและความท้าทายในนามทีมชาติอังกฤษของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์

เกียรติประวัติ สถิติและรางวัล เครื่องพิสูจน์ความสำเร็จบนเส้นทางลูกหนัง

สถิติสำคัญ (โดยประมาณ ณ ปัจจุบัน)

จำนวนการลงสนามให้ทีมชาติอังกฤษ: 64 นัด (7 ประตู) จำนวนการลงสนามให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: 174 นัด (8 ประตู)

 

สโมสรที่ได้รับเกียรติประวัติ

  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: อีเอฟแอล คัพ (2022–23), รองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ (2022–23), รองชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก (2020–21, 2024–25)

  • ฮัลล์ ซิตี้: เพลย์ออฟชนะเลิศ ฟุตบอลลีก แชมเปียนชิพ (2016)

 

รางวัลส่วนตัว

  • ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีก: พฤศจิกายน 2023

  • Sheffield United Player of the Year: (2011–12, 2012–13, 2013–14)

  • Leicester City Player of the Season: (2017–18)

  • UEFA European Championship Team of the Tournament: (ยูโร 2020)

แฮร์รี่ แม็กไกวร์

เกียรติประวัติ สถิติและรางวัล เครื่องพิสูจน์ความสำเร็จบนเส้นทางลูกหนัง

ชีวิตส่วนตัว นอกเหนือจากสนามหญ้าของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เป็นผู้เล่นที่ให้ความสำคัญกับ ชีวิตส่วนตัวครอบครัว และมีชีวิตที่ค่อนข้างเรียบง่ายนอกสนาม กิจกรรมนอกสนาม ของเขามักจะเน้นไปที่การใช้เวลาอยู่กับครอบครัว รวมถึงการรักษาสมดุลทางร่างกายและจิตใจเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ เขาเป็นนักกีฬาที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความเป็นมืออาชีพในการรับมือกับแรงกดดันทั้งในและนอกสนาม

เรื่องราวน่ารู้และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เบื้องลึกของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายตลอดเส้นทางอาชีพ

  • การศึกษา: ก่อนจะเลือกเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แม็กไกวร์มีความเป็นเลิศทางด้านการเรียนและเคยคิดที่จะศึกษาต่อในสาขาบัญชี

  • สถิติค่าตัว: การย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2019 ทำให้เขากลายเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกในเวลานั้น ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์

แฮร์รี่ แม็กไกวร์

ชีวิตส่วนตัว นอกเหนือจากสนามหญ้าของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์

บทสรุปและมุมมองในอนาคต เส้นทางที่ยังไม่สิ้นสุดของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์

เมื่อมองย้อนกลับไปในเส้นทางอาชีพของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ การประเมินผลงานที่ผ่านมาของเขานั้นแสดงให้เห็นถึงการเป็นนักกีฬาที่มีความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง เขาเริ่มต้นจากลีกระดับล่างและก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุดของฟุตบอลอาชีพทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เขามีความสามารถในการกลับมาทำผลงานที่โดดเด่นได้เสมอ แม้จะเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก

เป้าหมายในอนาคต ของเขาคือการรักษาฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอ เป็นกำลังสำคัญในแนวรับของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์สำคัญๆ ทั้งในประเทศและในยุโรป นอกจากนี้ เขายังคงเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ทีมชาติอังกฤษคาดหวังในการแข่งขันระดับนานาชาติที่จะมาถึง